เที่ยวเกาะสีชัง..เกาะใกล้กรุงที่แสนโรแมนติค
ถ้าพูดถึงทะเลแล้ว หลายๆ คนก็คงจะนึกถึงทะเลอันดามันทางภาคใต้ของไทยเป็นอันดับต้นๆ แต่จริงๆ แล้วทะเลทางภาคตะวันออกของไทยก็มีอีกหลายๆ ที่ที่สวยและน่าเที่ยวไม่แพ้กัน และหนึ่งในนั้นก็คือ “เกาะสีชัง” เกาะเล็กๆ ของจังหวัดชลบุรีที่เรียกได้ว่าเป็นเกาะแห่งความโรแมนติค ไม่ได้น่าชังเหมือนชื่อ
จากท่าเรือเกาะลอย อ.ศรีราชา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีก็จะถึงเกาะสีชังแล้ว ค่าโดยสารคนละ 40 บาท เท่านั้น ส่วนบริเวณท่าเรือก็มีที่จอดรถสำหรับคนที่ขับรถไปเอง สามารถจอดค้างคืนได้เลยไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการค่ะ
เที่ยวเกาะสีชังนั้นสามารถเที่ยวได้ทุกฤดูเลย แต่ฤดูที่เราชอบที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นฤดูฝน เพราะต้นไม้ใบหญ้าทุกหนแห่งจะเป็นสีเขียวสบายตา มองดูแล้วสดชื่น
เมื่อใกล้จะถึงท่าเรือเกาะสีชัง ก็จะเห็นภาพภูเขาสีเขียวๆ ตัดกับบ้านเรือนหลังคาแดงแบบนี้ สวยไปอีกแบบค่ะ
เมื่อมาถึงเกาะสีชังแล้ว เราได้เช่ารถมอเตอร์ไซด์ขี่เองเลย ค่าเช่าจะอยู่ที่วันละประมาณ 250-300 บาท หรือหากเราขี่รถมอเตอร์ไซด์ไม่เก่ง สามารถใช้บริการรถสองแถว หรือรถสกายแล็ปได้ค่ะ
สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของเกาะสีชังก็คงจะหนีไม่พ้น “จุฑาธุชราชฐาน” ซึ่งเป็นพระราชฐานที่พระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธทรงโปรดให้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 บริเวณนี้จะร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ สนามหญ้าสีเขียวสบายตา และต้นลีลาวดีที่ออกดอกไปทั่วบริเวณ
“สะพานอัษฎางค์” ถือได้ว่าเป็นมุมมหาชน ที่นักท่องเที่ยวจะต้องแวะเวียนเข้ามาถ่ายรูปที่มุมนี้กัน หากเราไม่มาที่นี่ก็คงจะพลาดเหมือนไปไม่ถึงเกาะสีชังเป็นแน่ อากาศที่เย็นสบายมีลมพัดตลอดเวลา ทำให้เราสามารถที่จะนั่งชมวิวอยู่ตรงนี้ได้นานๆ เลยทีเดียว ที่นี่ยังเป็นที่นิยมสำหรับว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่จะมาถ่ายรูป pre-wedding กันอีกด้วยนะคะ
ใกล้ๆ กับสะพานอัษฎางค์นั้นยังมีร้านกาแฟเล็กๆ ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพัก จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ลมทะเลที่พัดเอื่อยๆ ทำให้ดอกลีลาวดีปลิวร่วงหล่นไปทั่วพื้น สร้างบรรยากาศที่โรแมนติคได้ไม่เบาเลย
มันโรแมนติคจริงๆ นะคะเกาะนี้ ทางเดินที่มีต้นลีลาวดีอยู่สองข้างทาง และอากาศที่ยามบ่ายที่มีลมพัดเอื่อยๆ ไม่ร้อนจนเกินไปนัก
เดี๋ยวไปเที่ยวจุดอื่นๆ บนเกาะสีชังกันบ้างค่ะ
สัญลักษณ์ของเกาะสีชังอีกอย่างหนึ่งก็คือ “พระเหลือง” หรือ “สำนักสงฆ์ถ้ำจักรพงษ์” ซึ่งขณะที่เรานั่งเรือเข้าใกล้เกาะสีชังนั้น จะสามารถมองเห็นองค์พระเหลืองซึ่งอยู่บนเนินเขาได้อย่างชัดเจน นอกจากจะขึ้นไปไหว้พระขอพรกันแล้ว เราก็ไม่ลืมที่จะถวายสังฆทานขอพรพระด้วยค่ะ
ด้านบนของถ้ำจักรพงษ์นั้น จะทำให้เราได้เห็นวิวสวยๆ บริเวณท่าเรือด้านหน้าเกาะสีชัง มองเห็นเรือที่จอดเรียงรายอยู่ในทะเลสุดลูกหูลูกตา เป็นมุมมหาชนที่จะต้องเก็บภาพไว้ด้วยอีกเช่นกันค่ะ
“ชายหาดถ้ำพัง” แลดูจะเป็นเพียงชายหาดเดียวบนเกาะสีชัง ที่นักท่องเที่ยวสามารถเล่นน้ำได้ค่ะ มีกิจกรรมทางน้ำให้เลือกได้ตามความชอบเลย ที่หาดนี้มีที่พัก และร้านอาหารไว้คอยบริการด้วยค่ะ มีห้องสำหรับอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า น้ำใสมากๆ จนไม่คิดว่าจะเป็นทะเลที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ ขนาดนี้
ส่วนเราขออนุญาตไม่เล่นน้ำ แต่ขอนั่งสั่งอาหารทะเลสดๆ รสสุดแซ่บมาทาน พร้อมกับนั่งชมวิว สูดบรรยากาศไปเรื่อยๆ สร้างความฟินให้กับวันหยุดเสียหน่อย
พอถึงเวลาเย็น เราขี่มอเตอร์ไซด์ไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ “ช่องเขาขาด” หรือ “ช่องอิศริยาภรณ์” เค้าว่ากันว่าที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย ไม่แพ้แหลมพรหมเทพของภูเก็ตเลยนะคะ นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปที่นี่ในยามเย็นเพื่อรอชมสีทองยามพระอาทิตย์ตกดินกันอย่างมากมาย
อาหารการกินบนเกาะนั้นก็สมเหตุสมผลค่ะ คือราคาไม่ได้แพงมากนัก ร้านที่เราชอบมากๆ ก็คือร้านป้าหน่อย อันนี้ขอ recommend เลยค่ะ ปูม้าร้านป้าหน่อยตัวโตมาก ราคาไม่แพงเลย และสดมากๆ รายการอาหารเมนูอื่นๆ ก็อร่อยค่ะ ส่วนร้านอื่นๆ อาหารทะเลก็สดไม่แพ้กัน
สำหรับเราแล้ว ถึงแม้จะเป็นทริปสั้นๆ ที่ใช้เวลาเพียงเสาร์อาทิตย์ แต่ก็เที่ยวได้จุใจเต็มอิ่ม บนเกาะเล็กๆ ที่แสนจะโรแมนติคอย่างเกาะสีชังค่ะ ไปอีกกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
Published in รีวิวจากนักท่องเที่ยว