หมู่บ้านชาวประมง บางพัฒน์
“อิ่มใดจะเท่าอิ่มสุข สุขใดจะเท่าอิ่มท้อง” เป็นอีกครั้งที่ผมมีโอกาสได้เดินทางลงภาคใต้ ก่อนเดินทางครั้งทุกครั้งไม่ว่าไปที่ไหนผมจะมีโจทย์ให้ตัวเองว่าครั้งอยากจะไปทำอะไรที่นั่น ? ครั้งนี้ผมหมายมั่นไว้ว่าจะต้องตามหาร้านอาหารที่สามารถสนองความต้องการของผมได้ สี่ข้อนั่นคือ “ถูก อิ่ม อร่อย และที่สำคัญต้องซีฟู๊ด” ความต้องการของผมอาจจะดูเยอะไม่สักหน่อย เมื่อเอ่ยถึงอาหารซีฟู๊ดรสชาติดี สดอร่อยราคาย่อมพุ่งสูงตามไปด้วย เมื่อได้เวลาผมจึงเริ่มปฏิบัติภารกิจนี้ทันทีผมเช่ารถยนต์จาก บริษัทแห่งนึงโดยขับออกจากสนามบินภูเก็ตและตัดสินใจไม่เข้าเมืองภูเก็ต แต่ขับมาตามทางเข้าสู่เมืองพังงาและจอดถามชาวบ้านระหว่างทาง เกือบทุกคนที่ถามได้มากกว่าครึ่งแนะนำให้ผมมุ่งหน้าไป “หมู่บ้านชาวประมง บางพัฒน์”
ผมไม่รอช้าเมื่อศึกษาเส้นทางโดยละเอียดผมขับรถมาตามเส้นทางเรื่อยจนถึงแยกวังหม้อแกงและเลี้ยวขวาเข้า “ถนนพังงา-ทับปุด เดินทางตรงไปประมาณ 10 กิโลเมตรจะพบทางเข้าหมู่บ้านเลี้ยวที่แยกเขาวัดเขาเฒ่าและเดินทางเข้าถนนประจำหมู่บ้านอีกประมาณ 10 กิโลเมตรจนสุดถนน เมื่อสุดถนนจะพบกับลานจอดรถขนาดใหญ่และสะพานเพียงแห่งเดียวที่จะเป็นประตูเข้าหมู่บ้านชาวประมง บางพัฒน์ .. ก่อนที่จะออกเดินเท้าข้ามสะพานแห่งศรัทธาเพื่อเข้าสู่ดินแดนมุสลิมแหน่งนี้ ที่ต้นสะพานคอนกรีตจะมีป้ายทำความเข้าใจของหมู่บ้าน และข้อห้ามต่างๆตามหลัก
ศาสนาเพราะชุมชนแห่งนี้ค่อนข้างจะเคร่งเรื่องข้อห้ามต่างๆของชาวมุสลิมที่สำคัญคือห้ามนำเครื่องดื่มมึนเมาเข้าหมู่บ้านนะครับ เมื่อเดินเกือบจะผ่านครึ่งทางของสะพาน ภาพเบื้องหน้าที่เห็นคือ “ชุมชนขนาดเล็กประมาณ 50ครัวเรือน ที่ประหนึ่งปลูกบ้านลอยอยู่กลางทะเล พร้อมเรือประมงที่เรียงรายอยู่หน้าบ้านของตนเอง” เมื่อก้าวพ้นปลายสะพานผู้มาเยือนอย่างผมกลับได้รับการต้อนรับอย่างดีจากชาวบ้านทุกคน ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และพร้อมให้ความช่วยเหลือต่างๆ ผมจึงไม่รอช้าถามหาโจทย์ของผมทันที และคำตอบที่ได้คือให้เดินไปให้สุดทางและ ถามหา “โฮมสเตย์ครัวอารีย์ บังหมาด”
เมื่อเป้าหมายอยู่เบื้องหน้าผมรีบจวงเท้าเดินไปอย่างไวเพื่อตามหาคำตอบนี้ให้ได้เมื่อถึงสุดถนนของหมู่บ้านผมพบกับศาลาขนาดใหญ่ที่รอรับผู้มาเยือนเช่นผมผมเดินเข้าศาลาและไม่รอช้าสั่งอาหารมาพิสูจน์ เด็กสาวชาวมุสลิมอายุไม่น่าจะเกินสิบสามขวบเดินเข้ามาหาผมอย่างเป็นมิตรและแจ้งกับผมว่า “คิดเป็นรายหัวหัวละสองร้อยห้าสิบบาทสำหรับสองถึงหกท่าน สามารถสั่งอาหารได้เจ็ดอย่าง แต่สำหรับแปดท่านขึ้นไปสามารถสั่งอาหารได้สิบอย่าง” กางเมนูไม่รอช้าผมและตากล้องมีสองชีวิตรวมสามท่านไม่รอช้าสั่งอาหารตามเมนูยอดนิยมของอาหารทะเล ปู่นึ่ง กุ้งเผา ต้มยำ กั้งทอดกระเทียม ยำไข่แมงดา และปลานึ่งมะนาว ระหว่างที่รออาหารอย่างใจจดใจจ่อ มีเรือประมงของชาวบ้านในหมู่บ้านมาจอดเทียบท่าพร้อมนำเสนอความสดใหม่ของบรรดากุ้ง กั้ง ปู ที่ดีดดิ้นอยู่บนเรือ ไม่กี่อึดใจเมนูอาหารเรียงรายเต็มโต๊ะ แต่ละจานหน้าตาไม่แพ้จานที่เสริฟอยู่ในโรงแรมหรูห้าดาวในกรุงเทพ เอาล่ะ ! ได้เวลาลั่นกลองรบ พิสูจน์ความจริงว่าสมราคาคุยหรือไม่
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ทุกอย่างบนโต๊ะที่หายไปในพริบตาคงตอบโจทย์ของผมได้หมดทุกข้อในราคา 800 บาท กับอาหารทะเลสดใหม่ รสชาติถึงใจตามแบบถนัดของชาวใต้ผมว่าผมได้คำตอบที่น่าพอใจสำหรับทริปนี้แล้ว หากต้องการมาสัมผัสความอิ่มเอมแบบผมก็ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ บังหมาด โทร 086-274-4557
Published in รีวิวร้านอาหาร