HYATT REGENCY PHUKET
สวัสดีค่ะ ถ้าพูดถึงเกาะภูเก็ตแล้ว มีเกาะเล็กน้อยรายรอบที่สวยงามอยู่มาก บางเกาะได้ไปเยือนก็เหมือนสวรรค์บนดินดี ๆ นี่เอง แต่วันนี้เราจะไม่พาไปดำน้ำ ดูปลา ดูหอยนะคะ จะพาไปชมรีวิวโรงแรมระดับ 5 ดาวกัน เผื่อใครไปเที่ยวแล้วไม่อยากทัวร์เกาะ ตะลอนดำน้ำเราก็มีโรงแรมสวย ๆ บรรยากาศดีให้ดูเป็นตัวเลือก แทบไม่อยากจะออกไปจากที่พักเลยล่ะค่ะ
ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้มาเยือนภูเก็ต จำได้ว่าครั้งแรกที่มานั่ง Speed boat ไปดำน้ำหลายเกาะ ที่ประทับใจที่สุดก็คือความสวยของทะเลและชายหาดที่เกาะไข่ แต่มารอบนี้เราไม่นึกอยากออกไปดำน้ำแล้วค่ะ อยากอยู่ที่พักสวย ๆ ชมทะเลใส ๆ ให้สบายใจดีกว่า ตัวเลือกที่ลงตัวที่สุดครั้งนี้ คือ “Hyatt Regency Phuket Resort/ไฮแอท รีเจนซี ภูเก็ต รีสอร์ท”
เครดิต ภาพนี้นำมาจาก www.agoda.co.th
การเดินทางจากสนามบินนานาชาติภูเก็ตใช้เวลาราว ๆ 45 นาทีค่ะ เนื่องจากโรงแรมอยู่บริเวณหาดกมลา ไม่ใช่ตรงชายหาดเลย แต่สามารถขับรถถึงหาดได้ภายในเวลา 5 นาที
มาถึงแล้ววว โรงแรมใหญ่โตมากค่ะ เนื่องจากโรงแรมเพิ่งเปิดทำการไม่นานดังนั้นสภาพยังโอ่โถง ใหม่กิ๊กไปซะทุกอย่าง
ในภาพเดินทางไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2558 ดังนั้นท้องฟ้าจะครึ้มฟ้าครึ้มฝนเล็กน้อย ระหว่างพักก็เจอฝนบ้าง แต่ไม่หนักค่ะ ฝนโปรยมาพักเดียวก็หายไปพอให้ฉ่ำใจ
บริเวณ Lobby ค่ะ ประทับใจการบริการตั้งแต่ก้าวแรก เมื่อไปถึงที่โต๊ะ check-in มีลูกค้าอยู่ ดังนั้นพนักงานจึงเชิญเรานั่งรออยู่ที่โซฟาในบริเวณใกล้ ๆ กันพร้อมเสิร์ฟ welcome drink แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องรีบไปเช็คอินนะคะ ถึงเวลาพนักงานเดินมาบริการเราเอง ไม่ทราบว่าเป็นกฎหรือเป็นใจบริการของพนักงาน แต่สร้างความประทับใจให้เราอย่างมากเลยค่ะใช้เวลาไม่นานก็เรียบร้อย ก่อนจะขึ้นห้องแวะดูวิวทะเลและสระว่ายน้ำกันดีกว่า
สระว่ายน้ำกว้างมาก อยู่ด้านหน้าเลยค่ะ ว่ายไปก็ชมทะเลไปด้วย แต่จากหน้าโรงแรมมีถนนเล็ก ๆ กั้น และชายหาดบริเวณด้านหน้าลงเล่นน้ำไม่ได้นะคะ หินเยอะมาก แต่ถ้าจะไปหาดกมลา ก็มีรถของทางรีสอร์ทบริการ โดยจะจัดให้มีการวิ่งรถเป็นรอบ ๆ เราไม่ได้ใช้บริการ แต่ถ้าจำไม่ผิดมีรถออกทุก 1 ชั่วโมงค่ะ แต่ประเด็นคือมาก่อนก็ได้ที่นั่งก่อน ดังนั้น ถ้ารถเต็มแล้วก็ต้องรอรอบถัดไปค่ะ
ชมบรรยากาศจนหนำใจแล้วก็ขึ้นห้องกันค่ะ ความจริงเราจองห้องพักมาเป็นประเภท Ocean view ธรรมดา แต่เนื่องจากสมัคร Regency club ไว้ ซึ่งสิทธิประโยชน์อย่างหนึ่งคือ Upgrade ห้องพักฟรี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่ามีห้องว่างให้ upgrade ได้รึเปล่าด้วยนะคะ
ความโชคดีของเราครั้งนี้ ได้พักห้อง Club Ocean View Twin ค่ะ เย้
ห้องพักประเภท Club จะอยู่ส่วนบนสุดของโรงแรมเลยค่ะ เวลาไปก็ขึ้นรถกอล์ฟไปนะคะ อย่าลำบากเดินเลยค่ะ หอมแฮ่กไม่พอ อาจจะเดินไม่ถึงด้วย เข้าห้องกันค่ะ ทางเข้าจะเป็นประตูสีเข้มที่อยู่ด้านซ้ายมือในรูปนะคะ เมื่อเข้าห้องมาแล้ว แลซ้ายจะเป็นตู้เสื้อผ้า build-in และทางเข้าห้องน้ำ แต่ถ้าแลขวาก็จะเข้าบริเวณห้องนอนค่ะแน่นอน เราเลือกเข้าส่วนห้องนอนก่อน 555 ห้องใหญ่มากกก อยากชวนเพื่อนมาเตะตะกร้อ
เตียงนอนคิงไซส์ นอนหลับสบายฝันดีทุกคืน ทั้งโซฟาและเตียงที่นอน สะอาดและนอนสบาย หากหมอนไม่พอ ผ้าห่มไม่พอขอเพิ่มได้นะคะ
ด้านซ้ายของเตียงจะมีทีวีและเคเบิล ส่วนตู้ที่วางทีวีเปิดมาด้านในจะเป็นมินิบาร์นะคะ กาต้มน้ำ แก้วน้ำ ชา กาแฟ ตู้เย็นครบครันค่ะ
หันไปแลที่นอนอีกที (อยากนอนล่ะสิ) ตรงมุมห้องจะเห็นว่ามีโต๊ะทำงานด้วย
ที่นี่มี free wi-fi ด้วยนะคะ มี Ipod dock ด้วย
ตามชื่อ ocean view นะคะ ออกไปนอกระเบียงกันดีกว่า
ระเบียงใหญ่โต ที่นั่งก็สบายแต่เราไม่ค่อยออกมาใช้บริการเพราะมักจะโดนแดดส่อง
ตากแดดจนพอใจแล้วกลับเข้าห้องอีกที ไปดูตู้เสื้อผ้ากันค่ะ ที่นี่มีตู้เซฟให้แถมมีโต๊ะรีดผ้า + เตารีดให้ด้วยนะคะ มาพักหลาย ๆ วันจัดกระเป๋ามาไม่ต้องกลัวเสื้อยับ กลัวแค่ต้องรีดผ้าก็พอ 555
ทีนี้ไปดูห้องน้ำบ้าง นอกจากจะเข้าจากทางด้านหน้าใกล้ ๆ กับตู้เสื้อผ้าแล้ว ยังสามารถเข้าจากทางห้องนอนได้ด้วยนะคะ ดังนั้นจะเห็นว่าห้องน้ำใหญ่มาก ความกว้างเท่ากับห้องนอนเลยค่ะ ภาพนี้เราถ่ายจากประตูด้านที่ติดกับห้องนอน
amenities ที่นี่ก็ครบ มีเยอะเกินจำเป็นแถมขอเพิ่มได้อีก ในห้องน้ำจะมีน้ำดื่มให้สองขวด แต่เราไม่ได้ใช้แปรงฟันหรือล้างหน้า เพราะน้ำที่ผ่านก๊อกมาก็สะอาด ใสดีอยู่แล้ว ที่นี่เริ่ดเนอะ มีแม้กระทั่งน้ำยาบ้วนปาก
ส่วนรูปนี้จะถ่ายจากทางเข้าด้านหน้า ที่ติดกับตู้เสื้อผ้าค่ะ จะเห็นว่ามีห้องอาบน้ำ ห้องน้ำแยกส่วนกัน และมีอ่างอาบน้ำด้วยค่ะ
เข้าไปดูห้องอาบน้ำกัน มีทั้งฝักบัวธรรมดาและ rain shower น้ำไหลแรง สะอาดดี
amenities ที่นี่ใช้ของเกรดดี ของที่ซื้อไปเองเราเก็บเลยค่ะ แหะ ๆ ทีนี้มาดูอ่างอาบน้ำกันบ้าง ด้านซ้ายของอ่างจะเห็นเป็นผนังสีเข้ม ที่จริงคือผนังกั้นห้อง สามารถเปิดออกได้จนสุดความกว้าง ก็จะสามารถแช่น้ำไปดูทีวีจากในห้องนอนไปพร้อมกันได้เลยค่ะ
มีแม้กระทั่ง เกลือสปาและใยบวบขัดตัว จะเริ่ดไปไหน
ใกล้กับอ่างอาบน้ำจะมีชั้นวางผ้าเช็ดตัวอยู่ พร้อมกับกล่องดำ!!!
มาส่วนของสุขา ไม่ค่อยมีภาพเพราะไม่ปลื้ม! สุขภัณฑ์สะอาดและสะดวกดี แต่ไม่มีสายชำระ เค้าเสียใจ อึดอัด
พูดถึงเครื่องอำนวยความสะดวกและของใช้ต่าง ๆ มีอีกสิ่งหนึ่งที่ธรรมดาแต่ได้ใจเรา คือ นาฬิกาปลุกค่ะ มีอยู่ที่หัวเตียง 1 เครื่อง เราไม่แน่ใจเหตุผลชัด ๆ ในการไม่มีนาฬิกาในห้องพัก แต่ส่วนตัวคิดว่า มันเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะแม้ว่าเราจะมาเที่ยวควรจะปลดปล่อยตัวเองออกจากเงื่อนของเวลาก็ตาม แต่เอาจริง ๆ เถอะ แม้แต่มื้อเช้ายังมีกำหนดเวลาเสิร์ฟ ฉะนั้นมีนาฬิกาไว้หน่อยเถอะค่ะ
ในโรงแรมมีห้องอาหารหลายห้องนะคะ แต่การสั่งจากห้องพักจะเป็นการสั่งจากห้องอาหาร The Pool House ซึ่งอยู่ข้าง ๆ สระว่ายน้ำ อารมณ์นี้ไม่ได้หิวนะคะ แค่อยาก เพราะมีแต่คนบอกว่าข้าวผัดเอราวัณนั้นเด็ดนักหนา อย่าช้าเลย สั่งมาค่ะ
ดูดู๊ เสิร์ฟมาหน้าตาเหมือนปิ่นโตถวายพระ แต่ปิ่นโตเค้าไฮโซนะเออข้าวผัดเอราวัณค่ะ นอกจากหน้าตาดีแล้วยังรสชาติอร่อยสมคำร่ำลือ พิซซ่าสั่งมาด้วยความอยาก แป้งกรอบดีค่ะ แต่รสชาติก็ไม่ได้ล้ำมาก
อิ่มแล้วก็นอนค่ะ พอแดดร่มลมตกก็ลงไปว่ายน้ำซะหน่อย จะได้มีแรงทานข้าวเย็นต่อ (ห๊ะ!!!!)
บริเวณสระว่ายน้ำมีที่นั่งเล่น นอนเล่นเยอะเลย สระน้ำก็กว้างมากค่ะ ต่อให้แขกลงเยอะแค่ไหนก็ยังรู้สึกไม่แออัดอยู่ดี
การจะเดินทางจากห้องพักไปยังสระว่ายน้ำ ร้านอาหารหรือที่ใด ๆ เราเรียกใช้บริการรถกอล์ฟได้นะคะ เพราะเส้นทางในรีสอร์ทจะเป็นการขึ้น-ลงเนินเขา คนไม่ฟิตเดินไม่ไหวนะคะ เช่นเราเป็นต้น เอาตัวอย่างให้ดูค่ะ
ตัดมาที่มื้อค่ำเลยนะคะ ครั้งนี้เราไปพัก 2 คืน ๆ แรกเลือกทานอาหารไทยบุฟเฟ่ต์ ซึ่งจะมีเฉพาะทุกคืนวันศุกร์ ตอนนี้อยู่ในช่วงลดราคาพอดีคือ 690 บาท/หัว
อาหาร THAI BUFFET ให้บริการที่ The Pool Bar ซึ่งอยู่ข้าง ๆ สระว่ายน้ำค่ะ นอกจากอาหารไทยแล้วไฮไลท์ของบุฟเฟ่ต์นี้ก็คือจะมีการแสดงโชว์รำไทย และดนตรีไทยด้วย เข้าไปก็จะเห็นตามภาพค่ะ ไม่ได้บรรเลงตลอดนะคะ จะคั่นออกมามีการแสดงเป็นระยะ
มาดูอาหารกันบ้าง เริ่มตั้งแต่ด้านหน้าห้องอาหารเลยจะเป็นเตาบาร์บีคิวค่ะ
มีจำพวกเนื้อย่าง ปลาหมึกย่าง ปอเปี๊ยะทอด และทอดมันด้วย เนื้อย่างกับไก่สะเต๊ะอร่อยมากกกกกก บอกเลย
น้ำจิ้มหลากชนิด ตัวซีฟู้ดอร่อยค่ะ
เข้ามาด้านในกัน มีเชฟให้บริการอยู่สำหรับลูกค้าที่อยากสั่งแบบ a lar carte ด้วยนะคะ
อาหารมีหลากหลายชนิดนะคะ ทั้งต้มยำ แกงเผ็ดเป็ดย่าง ข้าวผัด ส่วนภาพด้านล่างก็จะเป็นกลุ่มยำ ๆ แซ่บ ๆ ทั้งหลาย จานผัดก็มีหลายชนิดเช่นกันค่ะ
ส้มตำค่ะ ส่วนตัวไม่ชอบเพราะรู้สึกรสชาติอ่อนเกินไป แต่สำหรับต่างชาติคงจะกำลังดี นอกจากนี้ยังมีข้าวซอยด้วย
พักไลน์อาหารมาดูนางรำบ้างค่ะ จะมีนางรำทั้งสิ้น 4 คนพอเวลาออกมาก็จะแบ่งครึ่งแยกกันไปคนละด้าน ฉะนั้นถึงแม้จะไม่มีเวทีแต่แขกทุกคนก็สามารถชมการแสดงได้ เรานั่งทานอยู่ชั่วโมงกว่า ๆ เห็นมีการแสดงออกมาคั่นเป็นระยะ แต่ไม่แน่ใจว่ามีอยู่จนหมดเวลาอาหารหรือเปล่านะคะ
ระหว่างนี้ก็ทานอาหารที่ตักมาไปพลาง ๆ
หนวดปลาหมึกหน้าตาบ้าน ๆ แต่ของสดบวกกับน้ำจิ้มแซ่บ จัดไปหลายไม้เลยค่ะ
แกงเผ็ดเป็ดย่าง ถ้วยนี้ก็อร่อยค่ะ อ้อ ลืมบอกเรื่องเครื่องดื่ม มีบริการน้ำดื่มฟรี แต่มีเฉพาะน้ำเปล่านะคะ หากทานอย่างอื่นต้องสั่งเพิ่มค่ะ
นางรำกลับไปพัก เราก็ลุกไปตักของกิน แหมคล้องจองอ่ะ 555
ขนมไทยมีหลายประเภท ทั้งข้าวเหนียวมะม่วง บัวลอย ลูกชุบ ทองหยอด ขนมชั้น สังขยา สาคู ผลไม้สดก็มีค่ะ
ข้าวเหนียวมะม่วงอยู่ในเกณฑ์อร่อยค่ะ
ในส่วนของขนมหวาน นอกจากบัวลอยและข้าวเหนียวมะม่วงแล้ว ถือว่าน่าผิดหวังค่ะ ของบางอย่างเช่น ขนมชั้น หรือทองหยอด รสชาติไม่ต่างกับขนมตลาดนัดทั่วไป เสียใจนิด ๆ กลัวต่างชาติเข้าใจผิดว่าขนมบ้านเรารสแบบนี้ น้อยใจมากเลยกินบัวลอยไป 2 ถ้วย (มันใช่เหรอ!!!)
สุดท้าย ขอจบรีวิวด้วยภาพสวย ๆ ถ่ายจาก Lobby ค่ะ
สิ่งที่ชอบ
1. ทู้กกกกอย่างเลย ชอบไปหมด ทั้งสถานที่ภายในห้อง บริเวณโดยรอบ สิ่งของเครื่องใช้ และการบริการ
สิ่งที่ไม่ชอบหรืออยากให้ปรับปรุง
1. สิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างดีมาก แต่อยากให้มีสายชำระในห้องน้ำด้วยน่ะค่ะ >-<
2. รสชาติขนมไทยในห้องอาหาร ไม่ได้มายด์ที่มันไม่ค่อยอร่อยสำหรับตัวเองนะคะ เพราะไปหาทานที่ไหนก็ได้ แต่ใส่ใจในแง่ความรู้สึกของชาวต่างชาติที่เพิ่งเคยได้ลิ้มลองขนมไทยมากกว่า อยากให้เค้าได้จดจำว่าขนมไทยเรากลมกล่อม หอมอร่อยและมีคุณค่าเพียงใด
สุดท้ายก็ขอแนะนำสถานที่นี้สำหรับท่านที่จะไปเที่ยวภูเก็ตและอยากได้ที่พักที่สงบ สบาย มีชีวิตติดเกาะแบบติดดาวนะคะ
Published in รีวิวที่พัก