99 Oldtown Boutique Guesthouse
สวัสดีค่ะ คราวก่อนพาไปเที่ยวที่พักหรูระดับ 5 ดาวบนเกาะภูเก็ตมาแล้ว คราวนี้ลองไปพักเกสท์เฮ้าส์ราคาไม่แพงแต่น่าประทับใจกันบ้างนะคะ
เกาสท์เฮ้าส์ที่เราเลือกสำหรับครั้งนี้คือ “99 Oldtown Boutique Guesthouse” ตั้งอยู่บนถนนกลาง ในย่านเมืองเก่าตัวอาคารในย่านนี้จะเป็นสไตล์ชิโน-โปรตุกีส ที่มีอายุมานานเกินกว่าร้อยปี มีการทะนุบำรุงให้อยู่ในสภาพสวยงาม แม้แต่ระบบไฟฟ้าก็ดึงลงใต้ดิน ดังนั้น เราเดินไปตามถนนนี้จะไม่เห็นเสาไฟฟ้าเลยค่ะ
ทำเลของที่พักนับว่าดีไม่น้อยเพราะอยู่ใกล้กับปากซอยรมณีย์ ซึ่งซอยนี้ตัวอาคารได้รับการบูรณะตกแต่งจนสวยงามเลยค่ะ ภาพตึกสีชมพูนี้จะอยู่หน้าปากซอยพอดี
ถัดมาอีกเพียง 2 – 3 ห้องก็จะเป็นที่พักของเราค่ะ รูปภาพนี้ เครดิตนำมาจาก www.agoda.co.th นะคะ เราจองที่พักผ่านช่องทางนี้แหละค่ะ
ปกติจะจอดรถบริเวณด้านหน้าโรงแรมได้ แต่เนื่องจากเป็นถนนสาธารณะเราก็ต้องลุ้นเอาค่ะ ว่าจะจอดได้ใกล้ที่พักแค่ไหน วันที่เราไปพักเป็นคืนวันเสาร์ ตอนบ่ายวนหาหลายรอบกว่าจะได้ที่เดินไม่ไกล แต่พอช่วงกลางคืนก็เลื่อนมาจอดได้หน้าที่พักเลยค่ะ
ทำการเช็คอินจะต้องมีมัดจำค่ากุญแจ 500 บาทด้วยนะคะ ได้คืนเมื่อเช็คเอ๊าท์ค่ะ ภายในอาคารก็ตกแต่งแบบโบราณไม่หวือหวามาก ส่วนที่น่าสนใจน่าจะเป็นด้านหลัง มาค่ะ จะพาไปชม
แค่เดินมายังไม่ถึงด้านหลัง ก็ได้สัมผัสความเย็นและเสียงน้ำไหลแล้วค่ะ ด้านหลังนี้จะมีทางเชื่อมไปอีกตึกทางด้านหลัง แต่มีป้ายห้ามเข้าติดไว้ เข้าใจว่าน่าจะเป็นที่พักของเจ้าของ หรือพนักงานของทางเกสท์เฮ้าส์ ส่วนฝั่งนี้ก็จะมีโต๊ะนั่งทานอาหารอยู่หลายชุด ที่นี่ไม่มีอาหารเช้าบริการเป็นเซ็ท แต่จะมีบริการ ชา กาแฟ โอวัลตินและขนมปังปิ้งฟรีนะคะ
เดินเข้าไปใกล้อีกนิด ร่มรื่นดีจัง ปลาคาร์ฟสีสวยสดท่าทางน่ากิน (ไม่ใช่ละ)
สระสีดำแบบนี้เก๋เนอะ ดูสิตัดกับสีปลาน่ารัก น่ากิน อูย สงสัยจะหิว หมายถึงเรานะคะไม่ใช่ปลา 555
โดยรอบก็จะมีการตกแต่งด้วยของโบราณ บางอย่างดูแล้วก็นึกถึงประวัติความเป็นมา น่าสนใจค่ะ
ชอบเตาแบบนี้ค่ะ น่าใช้แถมยังสวยทนดูจากสภาพน่าจะยังใช้ได้เป็นอย่างดีนะคะ
ขึ้นที่พักกันค่ะ ห้องพักของเราอยู่ชั้น 3 แบกกระเป๋าขึ้นไปหอบแฮ่กเลย เวลาจะขึ้นบันไดต้องถอดรองเท้านะคะและเนื่องจากพื้นผนังและพื้นไม้ค่อนข้างบาง อย่าเดินลงส้นค่ะเพื่อไม่ให้รบกวนผู้เข้าพักท่านอื่น ๆ
ภายในทาสีขาวทุกชั้น และตกแต่งด้วยกระจกสี ทำให้ดูสะอาดตาน่าอยู่ ตอนแรกก็มีแอบสะพรึงในใจว่ามาพักเกสท์เฮ้าส์ในย่านเมืองเก่าจะเป็นยังไงนะ แต่เข้ามาแล้วไม่มีบรรยากาศชวนสะพรึงอย่างที่กังวลเลยค่ะ แต่ละมุมจะมีโคมไฟให้ความสว่างอยู่ด้วย
เข้าห้องพักกันนะคะ ครั้งนี้เราจองห้อง “Standard Twin Bed with Balcony” สนนราคา ณ ต้นเดือนกรกฎาคมปี 2558 อยู่ที่ 1,034 บาท ห้องนี้อยู่ชั้นบนสุดเลย ประตูเข้าห้องก็แบบโบราณ เก๋เนอะ แต่แอบเล็กไปหน่อยนะคะ
เล็งไปทางขวามุมห้องจะเป็นตู้เสื้อผ้าค่ะ ตู้เย็นอยู่ด้านล่าง มินิบาร์ไม่มีอะไร มีแค่น้ำดื่มฟรี 2 ขวดเพราะเครื่องดื่มจำพวก ชา กาแฟมีบริการฟรีอยู่ที่ชั้น 1 แล้วค่ะ
เตียงนอน เราชอบค่ะเป็นที่นอนขนาดเตียงเดี่ยวสองหลังวางชิดกัน เตียงก็ยกขึ้นจากพื้นไม่สูงนัก สะอาดดีและนอนสบายในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังถือว่าดีเกินราคานะคะ
บริเวณปลายเตียงมีทีวีและเคเบิลทีวีด้วย ผนังที่เห็นจะค่อนข้างบางนะคะ ดังนั้นการจะดูทีวีหรือพูดคุยอะไรกัน เบาหน่อยก็ดีค่ะจะได้ไม่รบกวนห้องข้าง ๆ
ในห้องนอกจากเตียงนอนกับตู้เสื้อผ้า ก็มีโต๊ะเครื่องแป้งตามภาพค่ะ เฟอร์นิเจอร์ไม่หรูหราแต่สวย คลาสสิค ดูลงตัวกับสไตล์ของโรงแรมอย่างมาก ตามภาพก็จะเห็นว่าห้องพักไม่กว้างขวางนัก แต่ก็ไม่ถือว่าคับแคบและสิ่งของจำเป็นก็มีครบถ้วนพอที่จะเข้าพักได้อย่างสะดวกสบาย อุปกรณ์ต่าง ๆ จำพวกหมอน ผ้าห่ม หรือแม้แต่ผ้าม่านก็สะอาดดี
ประตูใกล้ ๆ กับตู้เสื้อผ้าคือประตูห้องน้ำค่ะ เข้ามาดูกัน สไตล์ของห้องน้ำออกจะขัดกับสไตล์ของที่พัก เนื่องจากเป็นสไตล์ปูนเปลือย แต่ก็ดูเรียบง่ายดี
มีสายชำระด้วย เริ่ดตรงนี้แทบจะตีปีกกระโดดขึ้นนั่งชักโครก เอ่อ แต่มันไม่ใช่บ้วนน้ำลายนะที่จะจัดเมื่อไหร่ก็ได้ แค่เก็บความปลื้มปริ่มไว้ในใจและรอเวลาพรุ่งนี้เช้าแล้วกันค่ะ
มีเครื่องทำน้ำอุ่นค่ะ ถึงแม้จะอยู่ถึงชั้น 3 แต่ระบบน้ำที่นี่ไหลแรง และสะอาดดี อุปกรณ์ของใช้ในห้องน้ำก็มีให้ครบถ้วน คุณภาพสมราคาค่ะ เราเอาของส่วนตัวมาใช้เองก็เลยไม่คิดมากในจุดนี้
ตามชื่อห้องก็บอกชัดว่าเป็นประเภท with balcony ซึ่งประตูออกระเบียงก็อยู่ข้างเตียงนอนนั่นแหละค่ะ มองเผิน ๆ นึกว่าหน้าต่าง ที่จริงแล้วเป็นประตูออกสู่ระเบียงด้วย แต่ระเบียงจะค่อนข้างแคบและสามารถเดินเชื่อมไปห้องข้าง ๆ ได้เลย จุดนี้ไม่ค่อยชอบและรู้สึกไม่ปลอดภัยค่ะ วิวที่มองถ้ามองตรงไปก็เห็นตึกแถวทั่ว ๆ ไปไม่ค่อยสวยงาม แต่ถ้ามองลงด้านล่างก็จะเห็นบ่อปลาที่เราไปยืนส่องกันตอนแรก จะเรียกว่าสวยงามคงไม่ได้ ถือซะว่ามีไว้ให้สูดอากาศก็แล้วกันค่ะ
ย่ำค่ำก็ออกไปหาอะไรทานข้างนอกกลับมาฟ้ามืดพอดี ถนนนี้สวยค่ะ แม้ยามกลางคืนก็สวยงามน่ามอง มีการประดับไฟตามตึกให้เปลี่ยนสีได้ด้วย เข้าใจว่าเป็นการจัดการของทางมูลนิธิเมืองเก่า แต่ถ้าเข้าใจผิดก็ขออภัยนะคะ อย่างไรก็ขอชื่นชมค่ะ ดูสีภาพแรก
ถนนเส้นนี้แม้จะมีที่พัก หรือร้านอาหาร + เครื่องดื่มอยู่พอสมควร แต่พอตกค่ำก็เงียบแล้ว ถนนเส้นนี้ทุกคืนวันอาทิตย์จะมีตั้งแผงขายของเป็นถนนคนเดินนะคะ เรามาพักวันเสาร์จึงไม่มีโอกาสได้เดินเที่ยว ซึ่งคืนนี้เราจอดรถที่หน้าโรงแรมเลย แต่ถ้าเป็นคืนวันอาทิตย์จะต้องนำรถออกจากบริเวณตั้งแต่บ่ายเพื่อให้ใช้เป็นที่ตั้งตลาดนะคะ ปล.พูดถึงการจอดรถ เราต้องดูแลจัดหาเอาเองทางเกสท์เฮ้าส์จะไม่ได้ดูแลให้ค่ะ
เรากลับถึงที่พักราว ๆ 3 ทุ่มยังมีเจ้าหน้าที่อยู่ แต่หากกลับดึกกว่านั้นต้องเปิดประตูเข้าที่พักเองซึ่งก็จะเป็นคีย์การ์ดที่ทางเกสท์เฮ้าส์มอบให้เราตอนเช็คอินนั่นแหละค่ะ สำหรับการเช็คเอ๊าท์ถ้าเราจะเดินทางโดยเครื่องบินและมีความจำเป็นต้องออกตั้งแต่เช้า (เช่นเราออกจากที่พักราว ๆ ตี 5) ก็แจ้งกับเจ้าหน้าที่ไว้ก่อนนะคะ เค้าจะได้มารอรับกุญแจและคืนเงินมัดจำให้เราด้วย ส่วนการเดินทางจากที่พักไปสนามบิน เราออกเวลาตี 5 การจราจรสบาย ๆ ก็ใช้เวลาราว 40 นาทีค่ะ
ขอสรุปการรีวิวดังนี้นะคะ
สิ่งที่ชอบ
1. ที่ตั้ง ๆ อยู่บนนถนนกลาง ย่านเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม สามารถเดินชมและถ่ายรูปได้ตลอดทั้งเส้น
2. ห้องพักเล็กกะทัดรัดและสะอาดดี
สิ่งที่ไม่ชอบ หรืออยากให้ปรับปรุง
1. กรณีห้องพักมีระเบียง ไม่ควรให้เดินถึงกันได้ระหว่าง 2 ห้องนะคะ นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้วก็ยังไม่เป็นส่วนตัวด้วย
แนะนำที่พักนี้สำหรับผู้ที่สนใจอยากชมสถาปัตยกรรมโบราณ อีกทั้งค่าที่พักก็ไม่แพง แต่ไม่แนะนำสำหรับครอบครัวใหญ่ หรือครอบครัวที่มีเด็กเล็กนะคะ เพราะโดยสภาพของที่พักเราคิดว่าไม่เหมาะกับการอึกทึกครึกโครม จะเป็นการรบกวนแขกท่านอื่น ๆ ค่ะ
Published in รีวิวที่พัก