
ภูชี้เพ้อ แม่ฮ่องสอน
ฝันมานานว่าอยากขับมอเตอไซค์เที่ยวภาคเหนือสักครั้งหนึ่ง คิดมาตลอดว่าคงจะต้องไปคนเดียว เพราะดูแล้วไม่มีแนวร่วมที่อยากจะลำบากไปด้วยกัน ไม่มีบิ๊กไบค์ ไม่มีมอเตอไซค์เป็นของตัวเอง เช่าสิ!! คิดในใจแต่ไม่ได้ลงมือทำสักที
วันหนึ่งเพื่อนจากกรุงเทพกำลังหาที่ออกทริปในวันหยุดยาว เราไม่ได้วางแผนกันชัดเจนแค่คุยกันว่าอยากเที่ยวภาคเหนือ ที่สำคัญเราอยากขับรถมอเตอไซค์เที่ยวเหมือนกัน เลยตกลงขีดปฏิทินวงโตๆ กำหนดวันออกทริป โดยที่ยังไม่ได้เลือกว่าจะไปที่ไหน แต่ที่กำหนดไว้แล้วคือครั้งนี้ผู้หญิงสองคนเราจะไปกับมอเตอไซค์สองคัน
หลายวันก่อนออกทริปเราใช้เวลาส่วนใหญ่บนหน้าจอสี่เหลี่ยมเพื่อหาพิกัดจุดหมายที่เราอยากไป เจอภาพถูกใจที่ถ่ายจากภูชี้เพ้อ ชื่อนี้ไม่ค่อยคุ้นหูเราสักเท่าไหร่ แต่ลำพังแค่ภาพไม่กี่ภาพก็ทำให้เราไม่ลังเลที่จะปักหมุดปลายทางไว้ที่ “ภูชี้เพ้อ“

การเดินทางจากเชียงใหม่ เราเช่ารถมอเตอไซค์ เดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทาง เชียงใหม่ – จอมทอง – แม่แจ่ม – ภูชี้เพ้อ (ขุนยวม แม่ฮ่องสอน) ระยะทางประมาณเกือบสองร้อยกิโลเมตร ไปกลับรวมราวสี่ร้อยกิโลเมตร ช่วงที่เราเดินทางเป็นช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาว อากาศแต่ละวันไม่แน่นอน บางวันมีฝนตกบางวันแดดแรงจัด ถนนเส้นนี้ค่อนข้างโค้งชันคดเคี้ยวตามแนวเขา โอบล้อมด้วยป่าเป็นระยะ ผ่านทุ่งข้าวโพด ไร่นา ช่วงปลายฝนเป็นช่วงที่จะได้เห็นทุ่งนาสีเขียวข้างทางเป็นของขวัญระหว่างทาง
ระหว่างทางจากอำเภอจอมทองไปยังอำเภอแม่แจ่มจะผ่านหมู่บ้านนาขั้นบันไดแม่กลางหลวง คืนแรกเราแวะพักกันที่นี่ รอดูพระอาทิตย์ยามเช้า
ต้นข้าวสีเขียวเต็มท้องทุ่งนา น้ำค้างจากฝนเมื่อวานเกาะยอดใบสะท้อนแสงอาทิตย์แรกของวัน รวงข้าวสีเขียวกำลังอวบอิ่มรอเปลี่ยนเป็นรวงข้าวสีทองรอการเก็บเกี่ยว


เสน่ของการเดินทางอย่างหนึ่งคือความยืดหยุ่น เราไม่ได้วางแผนการตายตัวเจออะไรน่าสนใจก็แวะชม เจอคนน่าสนใจก็แวะคุย สิ่งที่พิเศษบางครั้งก็เป็นสิ่งที่เราไม่ได้คาดหวังมาก่อนว่าจะได้เจอ และเรามักจะจดจำมันได้ดีเสมอ
เช้าวันนั้นเราใช้เวลาที่ร้านกาแฟอุ่มเอิบหลายชั่วโมง จากนั่งเล่นเพลินๆ จนเริ่มสายลูกค้าเริ่มมากันหลายคนมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าของร้านที่วันนี้อยู่ร้านคนเดียวดูยุ่งมาก เราเลยอาสาขอเป็นลูกมืออยู่หลังร้าน ช่วยทำเมนูโซดา เติมน้ำแข็ง เติมฟองนม ความรู้สึกที่เราได้กลมกลืนกับทุกที่ๆ ไป เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เราชอบเดินทาง ได้ออกไปเจออะไรใหม่ๆ ได้เจอคนใหม่ๆ ได้ลองลงมือทำอะไรที่ไม่เคยทำ

ได้เวลาออกเดินทางต่อในช่วงเที่ยงจากบ้านแม่กลางหลวงผ่านอำเภอแม่แจ่ม จุดหมายของเราในวันนี้คือหน่วยจัดการต้นน้ำแม่หยอด(ภูชี้เพ้อ) อำเภอขุนยวม ดูเหมือนฟ้าจะไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่ ฝนตกเป็นระยะเกือบตลอดทาง

หลังใช้เวลาเกือบหกชั่วโมงไปกับระยะทางหนึ่งร้อยกว่ากิโลเมตรฝ่าสายฝนที่โปรยลงมาตามพยากรอากาศ เราสองคนทำได้เพียงทำใจ แล้วขับลุยฝนกันต่อไปด้วยความระมัดระวังมากขึ้น กว่าจะถึงที่พักหน่วยจัดการต้นน้ำแม่หยอดก็เกือบสามทุ่ม ทางเข้าหน่วยเป็นทางลูกรังซึ่งปกติแล้วใช้รถ 4WD ในการเข้าออก ทางค่อนข้างชันและมีทางร่องน้ำผ่าน การเดินทางในช่วงกลางคืนค่อนข้างอันตราย ในที่สุดเราก็ถึงที่พักด้วยความทุลักทุเล ทั้งรถล้ม ขับรถลุยฝน ใส่หมวกกันน็อคเดินตากฝนแบกเป้ถือถุง หมดสภาพแบบที่ว่าล้มตัวลงนอนปุ๊บพร้อมจะปิดสวิทช์หลับได้ทันที

หน่วยจัดการต้นน้ำแม่หยอดมีบ้านพักรับรองนักท่องเที่ยวหลายหลัง โดยปกติเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพักช่วงฤดูหนาว การเข้าพักควรแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยก่อน เจ้าหน้าที่จะเตรียมบ้านพักไว้ ในที่พักยังต้องใช้เครื่องปั่นไฟ เปิดปิดไฟฟ้าเป็นเวลา จากภูชี้เพ้อจะมองเห็นทุ่งบัวตองอยู่ไกลๆ เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่าช่วงฤดูหนาวนักท่องเที่ยวเข้ามาพักค่อนข้างเยอะ ส่วนหนึ่งมาเที่ยวชมทุ่งบัวตองแล้วมาพักที่หน่วย


เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่ทั้งที่ร่างกายไม่อยากสามัคคีกับความอยากของเราสักเท่าไหร่ พาตัวเองมาถึงที่นี่แล้วจะพลาดทะเลหมอกไปคงต้องโกรธตัวเองไปอีกนาน หลังจากเลื่อนนาฬิกาปลุกไปหลายรอบ พี่เจ้าหน้าที่ก็มาเคาะประตูบ้านพักส่งเสียงเรียกพร้อมกระติกน้ำร้อน ปลุกให้เราออกไปเจอทะเลหมอกที่ดั้นด้นมาตามหา
จากบ้านพักเดินขึ้นจุดชมวิวภูชี้เพ้อใช้เวลาประมาณสามสิบนาที สองขาที่ยังคงเมื่อยล้าจากเมื่อวานพาเราเดินก้าวแต่ละก้าวไปช้าๆ… แล้วเราก็มายืนอยู่ที่ความสูง 1,818 เมตร โอบล้อมด้วยภูเขาสลับซับซ้อนสุดสายตาตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าปนฟ้าคราม รออยู่สักพักจนความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ไล่หมอกมารวมกลุ่มกัน บ้างยังกระจัดกระจายลอยฟุ้ง ทะเลหมอกวันนี้ไม่แน่นเหมือนที่เคยเห็นในรูป แต่เราก็ยังรู้สึกว่ามันสวยกว่าในรูปที่เคยเห็นจากหน้าจอสี่เหลี่ยมที่บ้าน…
เจ้าหน้าที่หน่วยใจดีให้เราใช้ครัวได้แถมยังอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ข้าวไข่เจียวจากเตาร้อนๆ อาหารเช้าง่ายๆ ของวันนี้ ที่เราคงจะจดจำความรู้สึกของมันได้ไปอีกนาน

ถึงเวลาบอกลาเทือกเขาสลับซับซ้อนตรงหน้า ได้เวลาเดินทางกลับเชียงใหม่ วันนี้เราขับรถยาวจากภูชี้เพ้อถึงเชียงใหม่ให้ทันเครื่องบินตอนค่ำ ใช้เวลารวมประมาณหกชั่วโมงไปกับระยะทางเกือบสองร้อยกิโลเมตร กลับถึงบ้านกันอย่างปลอดภัย เรารู้สึกโชคดีทุกครั้งที่ได้ออกไปเจออะไรใหม่ๆ แล้วกลับถึงบ้านปลอดภัยครบสามสิบสองเหมือนตอนออกจากบ้านไป แต่เรารู้สึกได้เสมอว่าทุกครั้งที่ได้ออกเดินทางไปเจออะไรใหม่ๆ สิ่งที่ได้พบเจอ ทำให้บางอย่างข้างในใจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ภูชี้เพ้อ ขุนยวม แม่ฮ่องสอน : สิงหาคม 2558
Published in รีวิวจากนักท่องเที่ยว