เที่ยวเมืองน่าน
หายไปนาน ไม่ได้ไปไหนไกลค่ะ ไปทำงานที่เมืองน่านมาค่ะ พอกลับมาก็รีบมาอัพเดตกันเลย มีเวลาเที่ยวในตัวเมืองแค่วันเดียว เลยอาจจะไปได้ไม่ครบทุกที่นะคะ
ตัวเมืองน่านเป็นเมืองเล็กๆ แต่เดิมต้องตั้งใจไปจริงๆถึงจะถึงเมืองน่าน เพราะว่าไม่ใช่เมืองที่เป็นทางผ่าน มีทั้งรสบัส รถไฟ(ยังไม่มีไปน่านโดยตรง ต้องลงที่สถานีเด่นชัย จังหวัดแพร่ แล้วต่อรถบัสขึ้นไป) หรือเดี๋ยวนี้มีเครื่องบิน บินตรงจากกรุงเทพฯ-น่าน แล้ว สบายมากๆชั่วโมงนิดๆก็ถึง สนามบินน่านก็ใหม่โมเดิร์นเลยค่ะ
สถานที่ท่องเที่ยว เช่น วัด พิพิธภัณฑ์ สถานที่สำคัญต่างๆ ที่อยู่ในตัวเมืองจะไม่ห่างกันมากค่ะ บางที่ก็แค่อยู่คนละฝั่งถนน ข้ามถนนไปก็เจอแล้ว ถนนเมืองน่านเป็นถนนเส้นเล็กๆ ค่ะ ผู้คนดูไม่รีบร้อนเหมือนในกรุงเทพฯ จะพูดว่าหนีเมืองกรุง มาเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ ก็ได้ค่ะ
การเดินทางของนักท่องเที่ยวที่นี่ นิยมกันอยู่ 2 แบบค่ะ แบบที่1 ก็คือ จักรยาน จะมีให้เช่าอยู่ทั่วไปค่ะ หรือบางโรงแรมก็จะมีให้ยืมค่ะ ส่วนตัวยืมมาจากโรงแรมที่พักค่ะ แบบที่ 2 ก็คือ นั่งรถรางเที่ยวชมรอบเมืองค่ะ เป็นรถทัวร์ท่องเที่ยว โดยจะมีเส้นทางวิ่งรอบตัวเมืองน่าน จะวิ่งเป็นรอบๆค่ะ มีไกด์มัคคุเทศน์คอยอู้คำเมืองเล่าประวัติความสำคัญของสถานที่ต่างๆให้ฟังตลอดเส้นทาง ใครจะมาแนะนำให้นั่งรถรางก่อนรอบนึงแล้วค่อยเช่าจักรยานขี่ต่อก็ดีค่ะ เพราะเราจะรู้เส้นทางแล้วประมาณนึง เพราะรถรางก็ไม่ได้จอดทุกที่ จอดเฉพาะบางวัดเท่านั้น
มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวกันบ้าง ส่วนมากในตัวเมืองน่าน ที่ท่องเที่ยวจะเป็นวัด ซะส่วนใหญ่ค่ะ แต่ละวัดก็มีประวัติความสำคัญแตกต่างกันไปค่ะ มาเริ่มกันที่ใครหลายๆคนพูดถึง พูดได้ว่าห้ามพลาดเลยทีเดียว นั่นก็คือ “วัดภูมินทร์” เป็นวัดหลวงตั้งอยู่ในเขตพระนคร อยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดน่าน เดิมชื่อวัด พรหมมิทร์ ตามชื่อผู้สร้างวัด พระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่าน แต่ตอนหลังชื่อวัดได้เพี้ยนไปเป็น “วัดภูมินทร์”
ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระวิหาร ที่โด่งดังก็คือ ภาพกระซิบรักบันลือโลก หรือภาพปู่ม่าน ย่าม่าน ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นผลงานที่ปราณีตและเป็นภาพที่โดดเด่นประจำวัดภูมินทร์ ภาพนี้ยังถูกนำไปเป็นสินค้า ของที่ระลึกของจังหวัดน่าน ทั้ง เสื้อยืด โปสการ์ด หรือของประดับบ้านอีกมากมาย
โดยมีคำบรรยายภาพปู่ม่าน ย่าม่านไว้เป็นคำกลอนภาษาถิ่นเอาไว้ว่า
“คำฮักน้อง กูปี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว
จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาคะลุม
จักเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป
ก็เลยเอาไว้ในอกในใจตัวชายปี้นี้ จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้
ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา”
มีคำแปลว่า “ความรักของน้องนั้น พี่จะเอาฝากไว้ในน้ำก็กลัวเหน็บหนาว
จะฝากไว้กลางท้องฟ้าอากาศกลางหาว ก็กลัวเมฆหมอกมาปกคลุมรักของพี่ไปเสีย
หากเอาไว้ในวังในคุ้ม เจ้าเมืองมาเจอก็จะเอาความรักของพี่ไป
เลยขอฝากเอาไว้ในอกในใจของพี่ จะให้มันร้องไห้รำพี้รำพันถึงน้อง
ไม่ว่ายามพี่นอนหลับหรือสะดุ้งตื่น”
มาที่วัดต่อไปนะคะ อยู่ไม่ไกลกัน นั่นก็คือ “วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร” ตั้งอยู่ตรงข้ามสำนักงานเทศบาลเมืองน่าน เดิม เป็นวัดหลวงในเขตนครน่านสำหรับเจ้าผู้ครองนครใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางพุทธศาสนาและพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา
ที่เรียกว่าวัดพระธาตุช้างค้ำ เพราะมาจากลักษณะการตกแต่งของเจดีย์ ที่รอบฐานองค์พระเจดีย์ จะมีรูปช้างครึ่งตัว ด้านละ 5เชือก และที่มุมทั้งสี่อีก 4 เชือก ดูคล้ายจะเอาหลังหนุน หรือ “ค้ำ”องค์เจดีย์ไว้
ออกไปนอกเวียงกันบ้าง แนะนำว่านั่งรถดีกว่า แต่ถ้าใครจะขี่จักรยาน ก็สามารถนะคะ แต่คงเหนื่อยค่ะ เพราะว่าอยู่ห่างออกมาจากตัวเมือง แล้วเส้นทางก็เป็นขึ้นเขา ร่างกายต้องแข็งแรงค่ะ
“วัดพระธาตุแช่แห้ง” เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่บนเนินทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่านบริเวณที่เป็นศูนย์กลางเมืองน่านเดิม มีองค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงระฆัง สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลจากเจดีย์พระธาตุหริภุญไชย
พระธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุประจำปีเถาะ ชาวล้านนาเชื่อว่าหากได้เดินทางไปนมัสการพระธาตุประจำปีเกิดจะได้รับอานิสงส์อย่างยิ่ง
ขอจบวัดสุดท้ายของทริปที่ “วัดพระธาตุเขาน้อย” องค์พระธาตุตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อยซึ่งอยู่ด้านตะวันตกของตัวเมืองน่าน เราจะมาดูพระอาทิตย์ตกกันที่นี่ค่ะ เพราะจากวัดพระธาตุเขาน้อยสามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองน่าน จากบริเวณลานชมทิวทัศน์ประดิษฐานพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน
ยังมีวัดอีกหลายสิบวัดในเมืองน่าน ที่มีศิลปะที่มีเอกลัษณ์ล้านนา ส่วนมากวัดจะเปิดตั้งแต่ 6โมงเช้าถึง 6โมงเย็น ใครจะวางแผนเที่ยวเส้นทางไหน ก็ดูได้จากแผนที่นะคะ
By radeejourney
Published in รีวิวจากนักท่องเที่ยว, เที่ยวน่าน
