เที่ยวญี่ปุ่นคนเดียว

เที่ยวญี่ปุ่นคนเดียว

2015.12.3 : เช้าวันที่สามของการเดินทาง เช้ามาฝนตกตามพยากรณ์อากาศว่าไว้ แพลนของเราเลยคิดว่าหนีฝนโตเกียวไป Nikko แต่เช้าดีกว่า แต่ตื่นสายค่ะ!!!!! จากที่คิดไว้ว่าจะไป Nikko ด้วยรถไฟเที่ยวแรก นอนเพลินตื่นมา 9 โมงกว่า จากโตเกียว นั่งรถไฟจะใต้ติดบนดิน สายไหนก็ได้ไปลงสถานี Asakusa เพื่อไปขึ้นรถไฟไป Nikko ซึ่งเมื่อตอนเราไปซื้อตั๋ว หรือ ถ้าใครซื้อ online ไป ก็สามารถไปรับแผนที่จาก Tobu railway information ที่สถานี Tobu Asakusa station (สถานีรถไฟต้นทางจากโตเกียว) ใช้เวลาโดยประมาณ 2 ชั่วโมงถึง Tobu Nikko station เที่ยง – -“ (คือแอบเซ็งเพราะรู้ว่าเวลาเที่ยวจะน้อยลง อย่างที่บอก 4-5 โมงเย็นช่วงเดือนธันวาที่นี่ก็เริ่มมึดแล้ว) รถไฟที่นั่งไปก็วิ่งไม่เร็วมากซื้อสเบียงนั่งดูวิวไปแปปๆ ก็ถึงแล้ว

ย้อนกลับไปอ่าน ตอนแรก เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ตอนสอง เที่ยวภูเขาฟูจิ

เที่ยวญี่ปุ่นคนเดียว เที่ยวญี่ปุ่นเอง เที่ยวญี่ปุ่นคนเดียว เที่ยว Nikko ญี่ปุ่น เที่ยว Nikko ญี่ปุ่น เที่ยว Nikko ญี่ปุ่น เที่ยว Nikko ญี่ปุ่น เที่ยว Nikko ญี่ปุ่น เที่ยว Nikko ญี่ปุ่น เที่ยว Nikko ญี่ปุ่น เที่ยว Nikko ญี่ปุ่น เที่ยว Nikko ญี่ปุ่น

ที่ตัดสินใจไป Nikko เพราะเค้าเป็นเมืองมรดกโลกค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวจะเป็นแนว วัดหรือศาลเจ้าเป็นส่วนใหญ่ โดยสถานที่ที่คนนิยมไปกันก็จะมี วัดรินโนจิ ศาลเจ้าโทโชกุ วัดไทยูอิน ศาลเจ้าฟุตะระซัง รูปสลักหินพระจิ สะพานชินเกียว เป็นต้นการเดินทางใน Nikko ก็ไม่ยากเย็นอะไร 2 days pass ที่เราซื้อมาสามารถเอาไว้ใช้ขึ้น World Heritage Bus วิ่งไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้ รายละเอียดป้าย bus หรือการเดินทางไป Nikko ตามนี้น่ะค่ะhttp://www.emagtravel.com/archive/nikko-trip.html ส่วนเรื่องจะงงว่าต้องขึ้น bus จากฝั่งไหนยังไง เวลากี่โมงบัสจะมา ไม่ต้องห่วงค่ะ อย่างที่บอก ตอนเราไปซื้อตั๋ว เค้ามีมาให้หมดค่ะ และบัสจะวิ่งเป็นวงกลม เพราะงั้นไม่หลงแน่นอน ลงป้ายตรงไหนก็กลับมาขึ้นตรงนั้น แล้วก็ดูตารางเวลาค่ะว่ารถจะมากี่โมง กะเวลาไปรอที่ญี่ปุ่นเรื่องเวลาค่อนข้างตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฟ บอกมาเวลา 11.22 นาทีที่ 22 คือรถไฟจอดที่ชานชลาเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นพวกบริการบัสต่างๆ อาจเลทได้ตาม traffic ของการจราจล 5-10 นาที มาญี่ปุ่นคือดี๊ดี plan ชีวิตเป็นวินาทีได้เลย 55555555 เวลาจะขึ้นรถไฟก็คิดเลยน่ะ จะไปรอบกี่โมง ต้องเดินกี่นาทีจะถึงชานชลา ไม่แปลกใจที่คนญี่ปุ่นจะเดินเร็วเหมือนรีบร้อนและดูนาฬิกาตลอดเวลา 55555 เรามาแค่ไม่กี่วัน ยังเป็นเลย

 

จาก Nikko เราก็เดินดูวัดดูศาลเจ้าไปเรื่อย อ่อ เค้ามีค่าเข้าศาลเจ้าแต่หละที่น่ะค่ะ แต่หละที่ต่างกันไป โทษทีจำไม่ได้ มัวแต่ถ่ายรูป ให้จ่ายก็จ่าย ๆ ไป เพราะเข้าไปแต่หละที่นี่แบบ เฮ้ยเก่าจริง แต่ยังบูรณะรักษากันอย่างดี ให้ๆ เค้าเหอะ ค่าเข้าชมอ่ะ ไป Nikko เราพลาดไปที่เดียวเพราะดันลง Bus ผิดป้าย นั่นคือสะพานแดง กะว่าเดี๋ยวจะกลับมาก็ดันเดินถ่ายรูปเพลิน บัสรอบสุดท้ายก็ 4 โมงกว่าก็หมดหละ อดเลย T^T เสียดายจุง และแล้วก็ได้เวลากลับ ที่สถานี Tobu Nikko เค้าก็จะมีร้านขายพวกขนม น้ำ ข้าวกล่อง เราก็ถือโอกาศ กินข้าวเย็นในรถไฟระหว่างกลับซะเลย packaging สวยงาม รสชาติให้ผ่านคือพอได้อยู่ มันชิวตรงนั่งกินไปชมวิวไป

ที่เที่ยวโตเกียว ที่เที่ยวโตเกียว ที่เที่ยวโตเกียว ที่เที่ยวโตเกียว ที่เที่ยวโตเกียว

ถึงโตเกียวทุ่มกว่าๆ ยังไม่วายค่ะ ไปเดินเล่นดูไฟที่เค้าประดับช่วงคริสมาสต่อแถวรปปงหงิ แม่เจ้า!!! ไม่รู้โชคชะตา หรือฟ้าลิขิต เดินไปเจอสองสาวที่เมื่อวานเราตามเค้าไปเที่ยวที่คาวากุจิโกะ โตเกียวออกกว้างใหญ่เจอกันได้ไง!!!!! คือเวลาเดินทางโบว่าโบเป็นคนโชคดีน่ะ คือเวลาไปในสถานที่ที่เราไม่เคยไปเราก็จะกังวลแหละ จะหลงไหม จะต้องยังไงต่อ แต่ทุกครั้งไปเราจะเจอแต่คนดี น่ารัก มีน้ำใจ อยู่ๆ ก็ไปเจอข้อมูลหรือคนให้ข้อมูลตามที่เราหาได้ตลอด แต่อย่างว่าแหละ เวลาอยู่เมืองไทยประสาทสัมผัสของเราจะอยู่โหลด Auto Pilot คือเป็นไปตามสัญชาตญาณความเคยชิน แต่พอได้ออกไปที่ที่เราไม่คุ้นเคย ทุกอย่างจะเปิด on หมด สติจะอยู่กะร่องกะรอยมากกว่า นี่เป็นเหตุนึงที่โบชอบเดินทาง มันทำให้ vision ในการมองคน มองโลกต่างไปจากเดิม ประทับใจกับอะไรง่ายๆ ได้มากขึ้น ความ ”เยอะ” น้อยลง (อันนี้เห็นชัดเวลาจัดกระเป๋าเดินทาง แต่ก่อนแบกไปทุกอย่าง 5555) และที่สำคัญเวลาไปคนเดียวมันได้อยู่กับตัวเองจริงๆ ฟังเสียงตัวเอง รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร มีจุดยืนของตัวเองเด่นชัดขึ้น โบว่ามันดีน่ะในการนำกลับมาใช้ในชีวิต ที่เดี๋ยวนี้ที่มองแต่ว่าคนอื่นคิดยังไง คนนู้นคนนี้จะว่าไรไหม ทำแบบนี้ไปคนอื่นจะมองไม่ดีหรือเปล่า แต่ไม่เคยถามว่าตัวเองคิดไงในปัจจุบัน

เที่ยว Ueno โตเกียว ที่เที่ยวโตเกียว (4)

2015.12.4 วันสุดท้ายของการเดินทาง จริงๆ แพลนวันนี้ว่าจะไปเดินเล่นสวนสาธารณะในโตเกียวซักที่ แต่ด้วยอาการเข่าที่เดินแล้วเจ็บมาก เลยงดไป แต่ก็น่ะไหนๆ ก็มาแล้ววันสุดท้ายขอไป shop หน่อยเหอะ เลยเลือกไป Ueno ไปเดินตลาด Ameyayoko ใครมาก็ห้ามพลาดของถูกมั่ก โดยเฉพาะรองเท้า และของฝาก ที่สำคัญอย่าลืมไปตึกม่วง ที่นี่รวมทุกอย่าง ทาโร่งาดำ อร่อยมากห้ามพลาดต้องซื้อ (ใครไปซื้อมาฝากด้วย อยากกินอีกซื้อมาครึ่งโหล กินคนเดียวไป 5 ห่อ บ้าไปแล้ว) 555555 เอาจริงๆ พวกร้านขายครีม ขายเครื่องสำอางในญี่ปุ่นมีเยอะมากเลยหลายร้าน แต่โบแบบขี้เกียจอ่ะก็มีดูราคาร้านอื่นคร่าวๆ น่ะว่าไอ้ที่เราใช้ๆ เล่งๆว่าจะเอาราคาประมาณเท่าไหร่ แต่ดูๆแล้ว ตึกม่วงถูกสุด เพราะถ้าซื้อถึงยอดประมาณ 4000 เยน ทำ Tax refund ได้เลย ก็เอาว่ะซื้อที่นี่ที่เดียวแหละ ขี้เกียจเดินหละเจ็บขา

ทริปนี้ค่าเสียหายโดยประมาณ (เรท 1 บาท = 3.0¥)
– ค่าตั๋วเครื่องบิน+ที่พัก 3 คืน 17,000 บาท (ซื้อเป็น package จาก AirAsiaGo อ่ะค่ะเลยไม่ได้แยกว่าอะไรเท่าไหร่)
– ค่าเดินทางไปกลับสนามบิน (1030¥/เที่ยว) 2060¥
– ค่าเดินทางไปกลับคาวากุจิโกะ (ไปโดยรถบัส 1750¥/เที่ยว) 3500¥
– ค่าเดินทางไป Nikko (2 days pass) 2750¥
– ค่าเข้าชมวัดใน Nikko ประมาณ 3000¥
– ค่าเดินทางในโตเกียวโดยใช้ IC card เฉลี่ยวันหละ 1000¥ ไป 4 วันประมาณ 4000¥
ค่าใช้จ่ายโดยรวมทั้งทริป ไม่รวมกิน ไม่รวมของฝาก ไม่รวมช้อป โดยประมาณ 24,000 (บวกลบไม่เกิน 1,000)

ติดตามบทความ ท่องเที่ยวไทย

Published in รีวิวจากนักท่องเที่ยว

แสดงความคิดเห็น

comments

ทิ้งคำตอบไว้