หน้าแรก รีวิวจากนักท่องเที่ยว ก้าวแห่งศรัทธ...

ก้าวแห่งศรัทธา “ถือศีลกินผักภูเก็ต” 2

ศาลเจ้าเจ๋งอ๋องยามค่ำคืน
ศาลเจ้าเจ๋งอ๋องยามค่ำคืน

ต่อจากตอนที่แล้ว ที่ผมได้เข้ามาร่วมเทศกาลถือศีลกินผักและผมตั้งใจจะเข้าร่วมในพิธีที่จัดขึ้นตลอดเก้าวัน ในตอนที่แล้วผมได้เล่าถึงพิธีการอิ้วเก้ง หรือว่าการแห่ขบวนออกเยี่ยมประชาชนนั่นเอง สำหรับในตอนนี้ผมจะขอกล่าวถึงอีกสองพิธีที่มีความสำคัญกับเทศกาลถือศีลกินผักที่แสนยิ่งใหญ่นี้นั่นคือพิธี ลุยไฟโกยโห้ย

พิธีแรกที่ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมนั่นคือ “พิธีโกยโห้ย หรือพิธีลุยไฟ” ผมเลือกที่จะเข้าร่วมพิธีนี้กับ ศาลเจ้าเล็กเล็กอย่าง”ศาลเจ้าเจ๋งอ๋อง” เวลาประมาณทุ่มครึ่งผมได้เดินทางไปสักการะเทพเจ้าประจำศาลเจ้าและดูขั้นตอนการจัดเตรียมกองไฟ เวลาประมาณสองทุ่มคนทรงหรือม้าทรงอย่างที่ชาวบ้านเรียกกันได้เริ่มประทับทรง และมีม้าทรงท่านหนึ่งลงมาจากศาลเจ้ามายังลานพิธีเป็นคนแรก เพื่อเตรียมพิธีการว่าสิ่งของไหนควรตั้งตรงไหน กองไฟควรหันหน้าไหน ผมได้สอบถามชาวบ้าน

 

"จ้าวอ้าม" กำลังจัดเตรียมพิธีการ
“จ้าวอ้าม” กำลังจัดเตรียมพิธีการ

ที่เข้าร่วมในพิธีว่าม้าทรงท่านไหนคือใคร คำตอบที่ได้คือ ชาวบ้านจะเรียกว่า “เจ้าอ้าม” อ้ามในภาษาภูเก็ตคือศาลเจ้า เจ้าคือเจ้าของ เมื่อรวมกันคือหัวหน้าม้าทรงหรือหัวหน้าเทพประจำศาลเจ้าก็ว่าได้ และผมยังถามอีกว่าการแสดงอิทธิฤทธิ์แบบนี้ทำไปเพื่ออะไร คำตอบที่ได้คือ “ท่านสะเดาะเคราะห์และรับสิ่งชั่วร้ายแทนผู้ที่ถือศีลกินผักทุกในโดยการใช้ไฟล้างสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ออกไป ตอนนี้ที่ผมรู้สึกได้เลยคือผมยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนทั้งไทย จีน รวมถึงนักข่าวและสารคดีจากทั่วโลกที่ใจจดใจจ่ออยู่พิธีที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ความร้อนของเปลวไฟร้อนระอุแผ่รัศมีความร้อนมายังฝูง

ชนรอบนอกที่รอชมพิธี เมื่อม้าทรงท่านแรกเดินข้ามกองไฟอย่างสง่างาม ปราศจากความรู้สึกซึ่งแตกต่างกับพวกเราซึ่งอยู่ภายนอกกองไฟที่เหงื่อแตกเม็ดไหลเป็นน้ำ ม้าทรงอีกหลายท่านทั้งวิ่ง ทั้งเดินข้ามกองไฟสลับไป และที่พิเศษก็คือเหล่าบรรดาพี่เลี้ยงและลูกศิษย์ของศาลเจ้าซึ่งเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่ได้ทรงเจ้าใดใดก็หาได้เกรงกลัวต่อความร้อนของไฟเบื้องหน้าไม่ ผมว่าทุกคนมีสิ่งเดียวกับนั่นคือ “ศรัทธาต่อองค์เทพ ศรัทธาต่อบรรพบุรุษของตนเอง” ที่ถ่ายทอดกันมารุ่นต่อรุ่นหลายช่วงอายุคน ซึ่งเมื่อถึงเทศกาลทุกคนทุกหมู่บ้านพร้อมใจกันถือศีลห้า และละเว้นการ

ม้าทรงและผู้ศรัทธาต่างพากันข้ามกองไฟร้อน
ม้าทรงและผู้ศรัทธาต่างพากันข้ามกองไฟร้อน

เบียดเบียนทั้งหมดทั้งปวง เด็กเล็กเล็กและผู้ใหญ่ประจำบ้านก็มีความสุขที่บรรดาหนุ่มสาวไม่ว่าจะทำงานอยู่ไกลบ้านเพียงใด ก็กลับบ้านมารวมตัวกันปฏิบัติความดีร่วมกัน ผมว่าไม่ว่าพิธีไหนไหน ความเชื่อไหนไหน แม้วิธีการนำเสนอจะนำเสนอกันต่างวิธีกันสุดท้ายแล้วก็ยืนอยู่บนพื้นฐานเดียวกันนั่นคือ “สอนให้คนทำความดี เกรงกลัวต่อบาป”

หากใครสนใจมาร่วมเทศกาลถือศีลกินผัก ที่จังหวัดภูเก็ตนี้ วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน รวม 9 วัน 9 คืน ตรงกับเดือน 11 หรือเดือนตุลาคมของไทย โดยปีนี้ พ.ศ.2558 จะเริ่มวันที่ 13-21 ตุลาคม 2558 

 

Published in รีวิวจากนักท่องเที่ยว

แสดงความคิดเห็น

comments

ทิ้งคำตอบไว้