The Scenery Resort
สวัสดีค่ะ พักนี้วันหยุดยาวเริ่มน้อยลงแล้ว งั้นเรามาชวนกันไปท่องเที่ยวสถานที่ไม่ไกลกรุงเทพ สามารถไปได้ทั้งแบบ One day trip และค้างคืนนะคะ ไม่ใกล้ไม่ไกล สวนผึ้ง ราชบุรีแค่นี้เองค่ะ
บางคนบอกเบื่อแล้ว อะไร ๆ ก็สวนผึ้ง เราเองก็เคยมีความรู้สึกแบบนั้นค่ะ เพราะมีอยู่ 3 – 4 ปีที่ไปพักรีสอร์ทในสวนผึ้งเกือบจะเดือนละครั้ง สลับสับเปลี่ยนไปมา บางทีก็มีเนือย ๆ บ้าง แต่เอาเข้าจริงก็หลงรักแกมคิดถึง ห่างไปได้ไม่นานก็ต้องหาโอกาสแวะเวียนไป แค่ได้ไป one day trip ก็ยังดี แต่ความน่ารักของสวนผึ้งมีอยู่อีกอย่างนึงนะคะ ไม่ว่าคุณจะไปกี่ครั้ง ก็มักจะได้พบอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ ให้เราได้ตื่นเต้นเสมอ
วันนี้ก็เลยจะพาไปสัมผัสรีสอร์ทเก่า กับการโชว์แบบใหม่ค่ะ งงมั้ย ใจเย็น ๆ นะ 555 ปกติใครไป scenery ก็มักจะซื้อ one day trip เข้าไปให้อาหารแกะและถ่ายรูปกับน้องแกะกัน แต่ตอนนี้เค้ามีบริการใหม่ เป็นการแสดงโชว์ของแกะและสุนัขเลี้ยงแกะค่ะ
การโชว์จะมีทั้งวันหยุดและวันธรรมดา โดยวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมีโชว์ 3 รอบ 10.30/14.30/16.30 ส่วนวันธรรมดามีโชว์แค่ 1 รอบ 14.30 บัตรราคาพิเศษผู้ใหญ่ 180 บาท เด็ก 150 บาท (ปกติ 250/220 บาท) ตอนนี้เป็นราคาโปรโมชั่นนะคะ โดยเฉพาะวันที่เราไปเป็นแขกเข้าพักรีสอร์ทด้วย ค่าใช้จ่ายเหลือคนละ 150 บาทค่ะ ถูกได้อีก

การโชว์จะเริ่มจาก ให้สุนัขเลี้ยงแกะ ทำการวิ่งไล่ต้อนแกะจากคอกด้านหลังมาโชว์ที่ด้านหน้าเลยค่ะ แอบสปอยล์เล็ก ๆ ถ้าเราพักห้อง ฮามาต้าและแพงโกล่า จะเห็นตอนน้องหมาวิ่งมาต้อนถึงตรงใกล้ ๆ ห้องพักเลยค่ะ

น้องหมาเก่งมากก แต่ก็แอบโหดนะคะ แกะก็รู้ประสา น้องหมามาพี่แกะโกยแน่บ เป็นระเบียบเลยทีเดียว

มีทั้งโชว์ต้อนเข้าคอก วิ่งเรียงแถวกันขึ้นไปบนรถ วิ่งขึ้นวิ่งลงอลหม่านพาลตาลาย แต่น่ารัก ตื่นตาตื่นใจค่ะโชว์นี้

ครูฝึกคนเก่งกับน้องหมา จำไม่ได้ว่าชื่อมิสตี้รึเปล่า ฉลาดล้ำค่ะ โชว์ส่วนแรกจะให้เรายืนมองการต้อนจากในทุ่งหญ้า เสร็จแล้วก็จะเข้ามาดูโชว์ต่อใน Hall ติดแอร์เย็นฉ่ำ สีสันอลังการ

อะนั่น น้องแกะกระโดดลอดห่วงไฟ ปกติมาราชบุรี รู้สึกแค่ว่าแกะจะมีแค่น่ารัก (มองด้วยสายตาระยะไกล เพราะถ้าเข้าใกล้แอบเหม็นมาก) ไม่ยักรู้ว่ามันฉลาดขนาดนี้ จะมีการโชว์น้องแกะหาของ บวกเลข มีโชว์เป็ดก้าบ ๆ วิ่งแข่งกับแกะด้วยค่ะ และไฮไลท์คือการกระโดดลอดห่วงไฟ ซึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องของอันตรายนะคะ ความพิเศษของขนแกะคือไม่ติดไฟค่ะ (แต่ก็แอบเสียวเนอะ)

ทางรีสอร์ทมีการนำแกะพันธุ์หายากในประเทศต่าง ๆ มาให้ดู และสามารถขึ้นไปถ่ายรูปได้ตอนปิดโชว์นะคะ บางตัวหน้าตาน่ารัก บางตัวก็แปลกจนดูไม่เหมือนแกะ เอ๊ะ ยังไง

ทุกโชว์จะมีพิธีกรต่าง ๆ กัน แต่ละคนเอนเตอร์เทน สนุกตื่นตาตื่นใจตลอดไม่มีเบื่อเลยค่ะ ดูซิดูแกะมีเขา
มีเชิญผู้เข้าชมขึ้นไปให้นมน้องแกะด้วยค่ะ

กรุณาให้นมน้องแกะด้วยความเจียมตัวและสุภาพเยี่ยงนี้ เนื่องจากแกะที่นี่สายแข็งและโหดมาก
ให้นมช้าอาจเกิดคดีแกะสังหารได้นะคะ กรี๊ดด

พระเอก นางเอกของเราค่ะ เป็นตัวผู้กับตัวเมีย จำชื่อไม่ได้นะคะรู้แต่เธอซนมาก และฉลาดที่สุด
ในภาพกำลังโชว์กระโดดข้ามแกะค่ะ อย่าถามพี่แกะว่าเธอเจ็บมั๊ย เห็นเหลือบตามองแบบเหล่ ๆ
มาค่ะ จบโชว์แล้วก็ถ่ายรูปกับน้องหมาเป็นเกียรติเป็นศรี (แก่ตัวเรา) เสียหน่อย
แกะ 1 “ไอ้ตัวข้างหน้ามันดูพิกล”
แกะ 2 “แหม ชั้นพิกลตัวเดียวสินะ”
แกะ 3 “อย่าทะเลาะกัน พวกเราน่ารักทุกตัวนะ”
บรรยากาศด้านนอกหลังจบโชว์ วันที่ไปมีฝนพรำและเป็นโชว์รอบสุดท้ายแล้ว คนค่อนข้างน้อยค่ะ
มามะ เข้ารีสอร์ทกันเถอะ
The scenery resort พูดไปก็คงไม่ใช่รีสอร์ทแปลกใหม่สำหรับพวกเรานะคะ เพราะเคยเปิดให้บริการอยู่หลายปี เราเองไปพักทุกปีเช่นกันแต่กว่าจะพักแต่ละที จองเกือบข้ามปีเลยค่ะ ตอนที่รีสอร์ทปิดบริการชั่วคราว บอกเลยว่าเราอกหัก เพราะเราชอบที่นี่มาก ถึงแม้ในสวนผึ้งจะมีรีสอร์ทในลักษณะเดียวกันผุดขึ้นมาเยอะมาก แต่ที่ 1 ด้านสถานที่และการบริการ เรายังคงยกให้ที่นี่ค่ะ
วันนี้เราเข้าพักห้องประจำ คือ “ฮามาต้า”
ปกติพักที่นี่เราจะเลือกเพียง 2 หลังถ้าไม่ฮามาต้า ก็แพงโกล่าค่ะ ส่วนตัวชอบแพงโกล่ามากกว่าแต่ตอนนี้รีสอร์ทยังเปิดบริการเป็น soft opening อยู่จึงยังไม่เปิดให้เข้าพักทุกห้อง
จุดเด่นของบ้านฮามาต้า คือทำเลที่อยู่ด้านหลังสุดของรีสอร์ท เห็นทางเดินด้านซ้ายมั๊ยคะ ถ้าเราเดินต่อไปด้านหลังก็จะเป็นลำน้ำภาชี ไม่กว้างมาก ช่วงปลายฝนต้นหนาวจะมีน้ำใส ๆ ไหลเย็นเลย ส่วนป่าด้านหลังก็เป็นเทือกเขาตะนาวศรีแล้วค่ะ
เข้าห้องกันเถอะ
เปิดไปก็ป๊ะกับเตียงนอนก่อน สะอาด นอนอุ่นหลับฝันดีแน่นอน แต่มีข้อติงเรื่องนึง คือด้วยความที่รีสอร์ทอยู่ใกล้ป่าเขา บางทีก็จะมีแมลงตัวเล็ก ๆ เยอะไปรอบนี้เจอลูกแมงมุมหลายตัว ก็แอบกลัวนะคะ

วิวกระจกด้านข้าง มองไปเป็นทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตาเลย บริเวณนี้แหละค่ะเราจะเห็นน้องแกะทุกเช้า เย็น ตอนที่โชว์สุนัขต้อนแกะ น้องหมาก็วิ่งมาต้อนจากคอกที่เราเห็นเป็นตึกอยู่ไกล ๆ ในภาพ

เห็นเตาบาร์บีคิวอ๊ะป่าว เมื่อก่อนเค้าก็เสิร์ฟอาหารที่นี่และปิ้งบาร์บีคิวกันทุกครั้ง แต่ช่วงนี้งดบริการส่งอาหารที่ห้องพักนะคะ เตาเอาไว้ปิ้งยุงเท่านั้น เตรงงง ฝนพรำ ๆ นั่งอ่านหนังสือที่มุมนี้มีความสุขค่ะ

ตกแต่งน่ารักเนอะ

เห็นเตาผิงแล้วอยากปิ้งแกะ
มาค่ะ ไปห้องน้ำกัน ไฮไลท์อีกอย่างของห้องนี้คืออุโมงค์ห้องน้ำยาว 300 เมตร…โกหกค่ะ น่าจะสัก 15 – 20 เมตร

ทางเดินลงห้องน้ำอยู่ข้างเตียง

เดินไปเรื่อย ๆ ปวดฉี่กรุณาอย่าอั้นนะคะ เผื่อเวลาเดินทางด้วย อิ ๆ

เห็นห้องน้ำอยู่รำไร

ถึงแล้ววว จากที่ปิดไปคราวก่อน จุดที่เห็นความเปลี่ยนแปลงในห้องพักก็คงจะเป็นห้องน้ำนี่แหละค่ะ ที่เพิ่มในส่วนของห้องอาบน้ำ และส่วนห้องส้วมแยกออกไป ปกติตรงช่องประตูที่เห็นจะเป็นกำแพงทึบค่ะ

เป็นสัดส่วน อุปกรณ์ครบครัน ผ่านมาตรฐาน “มทลต” ที่สามีเราต้องตรวจสอบทุกครั้ง ปล. มทลต = มีที่ล้างตู-

พวกสบู่ แชมพูหอมดีค่ะ บางครั้งเวลาไปพักที่ต่าง ๆ เราจะซื้อของส่วนตัวไปเอง แต่ที่นี่ไม่ต้องค่ะ ของเค้าเกรดดี

และนี่— อ่างอาบน้ำที่ถูกปรับจากอ่างธรรมดาเป็นจากุชชี่ ระบบน้ำที่นี่ดีค่ะไหลแรงและสะอาด เคยไปพักอีกที่นึงในสวนผึ้ง เป็นน้ำบาดาลเปิดมาเหลืองมากก ก็ไม่รู้จะมีอ่างไว้ทำไมคงไม่กล้าอาบนะ อืมม
โรแมนติกสุด ๆ ค่ะ มีไวน์บริการ (เสียเงิน) ด้วย อย่าให้ถึงกับเมานะคะ เดี๋ยวมึนไหลลงอ่างไม่มีใครช่วยเดือดร้อนรีสอร์ทอีก อิ ๆ ส่วนตัวเราชอบที่เป็นอ่างอาบน้ำแบบเดิมมากกว่า เพราะไซส์จะใหญ่กว่านี้และมีที่นั่งด้านใน แต่คนที่ชอบแช่จากุชชี่ก็คงพอใจกับที่เค้าปรับใหม่มากกว่า
วันนี้มีรีวิวมาเพียงเท่านี้ค่ะ หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ล่วงหน้า แต่ก็จะหาสถานที่พักที่ประทับใจมารีวิวให้ได้ชมกันอีกนะคะ ขอบคุณค่ะ
Published in รีวิวที่พัก